Uncategorized

กล้อง Webcam คืออะไร

webcam

   เคยสงสัยไหมว่ากล้อง Webcam นั้นมีที่มาที่ไปยังไง มีประโยชน์ความสำคัญกันอย่างไร บทความนี้สรุปพร้อมบอกวิธีเลือกใช้ไว้ให้แล้ว.

ความหมายของกล้องwebcam

  • เว็บแคม (webcam) หรือ เว็บแคเมรา (web camera) เป็นกล้องที่ส่งสัญญาณภาพผ่านทางคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานผ่านทางเวิลด์ไวด์เว็บ ทางเมสเซนเจอร์หรือทางซอฟต์แวร์อื่น
  • Webcam (เว็บแคม) หรือที่เรียกว่า กล้องเว็บแคม เป็นอุปกรณ์ดิจิทัลที่จับภาพวิดีโอ/เสียงเพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ที่ใช้ในการบันทึกวิดีโอ หรือใช้เป็นวิดีโอคอล บนคอมพิวเตอร์ หรือบนอุปกรณ์อื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเป็นต้น. และในปัจจุบันอุปกรณ์นี้ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในโลกการสื่อสารที่เชื่อมต่อถึงกัน ช่วยให้บุคคลสามารถเข้าร่วมในการสนทนาทางวิดีโอ การประชุมเสมือนจริง การประชุมออนไลน์ และการสร้างคอนเทนต์อื่นๆ ด้วยการตั้งค่าที่ใช้งานง่าย และความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย.

     อย่างที่กล่าวกันไว้ข้างต้นแล้วว่า กล้อง Webcam หรือ กล้องเว็บแคม เป็นอุปกรณ์ดิจิทัลที่จับภาพวิดีโอ, เสียงเพื่อเปิดใช้งานการสื่อสารแบบเรียลไทม์, สามารถบันทึกวิดีโอบนคอมพิวเตอร์ หรือบนอุปกรณ์อื่นๆ ได้. โดย Webcam ทำหน้าที่เป็นกล้องที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะ หรือสามารถสร้างคอนเทนต์ในแบบออฟไลน์ก็ได้ อุปกรณ์ตัวนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมในการสนทนาทางวิดีโอ การประชุม สตรีมมิงแบบสด และกิจกรรมออนไลน์/ออฟไลน์ต่างๆ โดยทั่วไปแล้วเว็บแคมจะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่าน USB หรือพอร์ตอินเทอร์เฟซอื่นๆ และมักจะติดตั้งอยู่ด้านบนของหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อป.

       และในช่วงเวลาปัจจุบันนี้เว็บแคมมีการพัฒนาอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้คุณภาพของวิดีโอดีขึ้น และมีคุณสมบัติเพิ่มเติม. เว็บแคมสมัยใหม่ให้ความละเอียดวิดีโอความละเอียดสูงตั้งแต่มาตรฐาน HD (720p) ไปจนถึง Full HD (1080p) และแม้แต่ความละเอียด 4K ให้ภาพที่คมชัดและมีรายละเอียด เว็บแคมบางรุ่นยังรวมฟังก์ชันอย่าง Auto Focus เพื่อให้ภาพคมชัด และมีฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมาก เช่น การติดตามใบหน้า (Auto Tracking), Auto Framing, การแก้แสงน้อย เป็นต้น.

ประวัติของกล้อง Webcam

Dr. Quentin Stafford-Fraser และ Dr. Paul Jardetzky

  กล้อง Webcamนั้นถูกคิดค้นโดยทีมนักวิจัย และทีมวิศวกรที่ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 นำทีมโดย Dr. Quentin Stafford-Fraser และ Dr. Paul Jardetzky พวกเขาพัฒนาเว็บแคมตัวแรกที่เรียกว่า “Coffee Pot Camera หรือ กล้องหม้อกาแฟ” คอนเซ็ปต์ของตัวกล้องออกแบบมาเพื่อใช้ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อกาแฟในห้องโทรจันภายในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย โดยตัวกล้องนั้นจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้นักวิจัยสามารถตรวจสอบสถานะของหม้อกาแฟได้จากระยะไกล และหลีกเลี่ยงการเดินไปที่หม้อเปล่าโดยเปล่าประโยชน์ การใช้กล้องที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์นี้ เป็นการวางรากฐานสำหรับการพัฒนา และทำให้เว็บแคมเป็นที่นิยมในปีต่อๆ ไป.

เมื่อเว็บแคมได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้ผลิตหลายเจ้าก็เริ่มผลิตอุปกรณ์เว็บแคมเป็นของตนเองโดยเฉพาะ พร้อมคุณสมบัติการทำงานที่ได้รับการปรับปรุงที่ดีกว่าเดิม เว็บแคมแบบสแตนด์อโลนเหล่านี้มีความละเอียดสูงกว่า คุณภาพของภาพที่ดีกว่า บางรุ่นก็มีความสามารถด้านการรับเสียงที่ได้รับการปรับปรุงมาอย่างดี และได้รับการออกแบบมาให้ติดตั้งได้ง่ายบนจอคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป ทำให้ผู้ใช้จัดตำแหน่งกล้องได้สะดวก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเว็บแคมกับอุปกรณ์ของตนได้อย่างง่ายดาย.

การนำเว็บแคมมาใช้อย่างแพร่หลายอาจมาจากหลายปัจจัย และสิ่งสำคัญที่สุดนั้นคือการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งทำให้สามารถส่งสัญญาณวิดีโอได้อย่างราบรื่น ทำให้การสื่อสารแบบเรียลไทม์เป็นไปได้ง่าย นอกจากนี้ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีเซ็นเซอร์กล้อง และอัลกอริธึมการบีบอัดวิดีโอยังมีส่วนช่วยในการปรับปรุงคุณภาพวิดีโอ และลดความต้องการของแบนด์วิธได้.

เลือกใช้กล้องเว็บแคมยังไงให้เหมาะสม?

ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังเลือกซื้อกล้องเว็บแคม สิ่งแรกคือต้องพิจารณาความต้องการการใช้งานของตัวเองก่อนว่าว่าตนเองนั้นต้องการใช้เพื่อการประชุมทางวิดีโอ, ใช้ในการสร้างคอนเทนต์ หรือใช้ในการสนทนาทางวิดีโอกับเพื่อน/ครอบครัวเป็นหลักใช่หรือไม่ ถ้าหากทำความเข้าใจความต้องการของตัวเองได้แล้วก็จะช่วยให้คุณจำกัดตัวเลือกให้แคบลง และค้นหาเว็บแคมที่เหมาะกับความต้องการของเพื่อนๆได้ง่าย.

  ถ้าหากต้องการใช้ในงานประชุมหรือการเรียนการสอนให้มองหาเว็บแคมที่ให้วิดีโอความละเอียดสูง ควรเป็น 1080p หรือสูงกว่า เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน และมีรายละเอียดในระหว่างการประชุม นอกจากนี้ถ้าตัวกล้องยังมีทางเลือกเสริม ให้พิจารณาเรื่อง Auto Framing และ อัตราเฟรม โดยเล็งไปที่อัตราเฟรมที่สูงขึ้น (60fps หรือมากกว่า) เพื่อให้แน่ใจว่าในระหว่างการประชุมตัวกล้องจะจับการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นไม่สะดุดในระหว่างการประชุมทางวิดีโอ.

ปล.แต่ถ้านำกล้องไปใช้ในห้องประชุมที่มีขนาดใหญ่แนะนำให้เพิ่มชุดไมค์ประชุมเสริมเข้าไปด้วย.

    ถ้าหากใช้ในงานสตรีมมิ่งหรือพอดแคสต์ ให้โฟกัสไปที่ ความละเอียดสูง และมีอัตราเฟรมที่สูงมากๆ ไปเลยตั้งแต่ความละเอียด 1080p อัตราเฟรม 60fps เป็นต้นไป ถ้าเป็นไปได้เลือกระดับ 4K ได้ยิ่งดี เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชมจะได้ภาพที่คมชัด มีรายละเอียด และความไหลลื่นของภาพ ซึ่งวิดีโอคุณภาพสูงจะทำให้สตรีมของเพื่อนๆ ดึงดูดสายตาผู้ชม และดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่ถ้าตัวกล้องมีทางเลือกเสริมก็ให้เน้นไปที่ฟังก์ชั่น Auto Focus ไปด้วย ซึ่งจะทำให้ภาพที่ได้ออกมานั้นมาความหน้าชัดหลังเบลอ และตรวจจับใบหน้าของผู้ใช้อยู่ตลอดเวลาเมื่ออยู่ในเฟรมที่กำหนดไว้.

 

สอบถามสินค้าอื่นๆ ติดต่อทาง siamprojector

ติดต่อได้ที่ เบอร์โทร 095-4466266 , 089-8415456 , 02-101-9982

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *